ปราบพนักงานเก่าแก่ ไม่ยอมพัฒนา
ถึงแม้เทคโนโลยีในปัจจุบันจะพัฒนาไปมาก
มีเครื่องจักรที่ทันสมัยถึงขั้นพัฒนาเป็นหุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ได้ แต่โรงงานเย็บผ้ายังเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยฝีมือแรงงานมากกว่าอุตสหากรรมอื่น การพึ่งพาฝีมือแรงงานนี้เป็นส่งผลให้ต้องอาศัยการบริหารจัดการคนอย่างหนัก
ตั้งแต่สรรหาพนักงานให้เพียงพอกับกำลังการผลิตตามแผนการผลิต มีสวัสดิการให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน บริหารจัดการการหยุดงานไม่ให้กระทบกับแผนการผลิต อื่นๆอีกจิปาถะ ยังไม่พอ
ยังต้องปวดหัวกับความแตกต่างหลากหลายของพนักงานร้อยคนพันคนที่มารวมอยู่ในองค์กรเดียวกัน โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานมานาน คุ้นเคยกับวิธีการเดิมๆ ไม่ยอมรับระบบใหม่ๆ เทคโนโลยีหรือวิธีการใหม่ๆ เรียกรวมว่าไม่ยอมพัฒนา เพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองขาดความสำคัญ
คุณสมบัติกลุ่มคนเก่าแก่ไม่ยอมพัฒนา จะเป็นคนที่มีอายุงานมากกว่าคนอื่น จะวางตัวเป็นหัวหน้าแก๊ง มีพนักงานอายุงานน้อยๆคอยติดตามและเห็นด้วยกับความคิดเห็นไม่ว่าจะถูกหรือผิด ไม่ว่าจะทำให้เกิดประโยชน์หรือโทษกับองค์กร
อาจจะเต็มใจหรือจำใจเห็นด้วยเพื่อให้อยู่ในหน่วยงานนั้นได้ ทำงานตามความเคยชินของตัวเองโดยไม่มองว่าเป็นปัญหากับคนอื่นรอบข้างหรือไม่ ทำได้แค่นี้
ทำไม่ได้ทำไม่ทันหรอก
ยากเกินไป ไม่มีใครทำได้หรอก ไม่เสร็จหรอก
จะเป็นคำพูดประจำของคนกลุ่มนี้ การส่งงานล่าช้า ส่งงานผิดพลาด
ล้วนเกิดจากคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง
คนกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลมากเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรให้ความสำคัญ
ใครนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยถ้าคนเก่าแก่คัดค้าน หากองค์กรไหนมีผู้นำแบบนี้ การเปลี่ยนงานน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะพยายามทำผลงานเท่าไหร่ก็คงไม่มีคนเห็น แต่การปราบคนกลุ่มนี้ก็ใช่ว่าจะยากจนเกินไป
วิธีแรก คุยตรงไปตรงมา แต่ต้องคุยด้วยสันติวิธี บอกเหตุและผลว่าการทำงานตามความเคยชินของพวกเขามีผลเสียอย่างไรบ้าง เช่น งานล่าช้าทำให้คนอื่นรองาน
แต่ถ้าทำตามวิธีที่เราแนะนำงานจะเสร็จเร็วขึ้นได้ปริมาณงานมากขึ้น วิธีนี้ต้องใจเย็น ขอย้ำว่าต้องใจเย็นมากๆ เพราะคุณพูดอะไรเขาจะต้องเถียงคุณแน่นอน คุณจะต้องทำการบ้านมาเป็นอย่างดีก่อนจะเรียกเขาคุย
ต้องเตรียมเป็นข้อๆเลยว่าบอกอะไรเขาไปเขาจะเถียงกลับมาอย่างไรและเราจะต้องแก้ข้อถกเถียงของเขาอย่างไร วิธีนี้มีจุดประสงค์เพื่อชี้แจงให้เขาได้รับทราบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเขายอมรับถือว่าโชคดี แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับถือว่าเราได้ชี้แจงแล้ว เก็บไว้เป็นประวัติเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการลงโทษเมื่อทำงานผิดพลาด หรือเป็นเหตุผลในการดำเนินการขั้นตอนต่อไป
วิธีที่สอง ศึกษางานของเขาและจัดหาคนมาเรียนรู้งานที่เขาบอกว่ายากนักยากหนา ไม่มีมนุษย์หน้าไหนทำได้นอกจากเขาเท่านั้น ซึ่งงานไม่ยากเกินไปหรอก คุณต้องคิดว่าบริษัทอื่นก็มีงานนี้เหมือนกันยังทำงานได้ แสดงว่ามีคนอื่นทำงานนี้ได้ เพียงแต่เราต้องอดทนที่จะศึกษางานจากเขา
ถ่ายทอดให้คนอื่นและคอยสนับสนุนและให้กำลังใจคนที่จะมาเรียนรู้งานต่อจากเขา เมื่อมีคนอื่นทำได้ เขาจะรู้สึกเองว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญคนเดียวในโลก และจะยอมปรับปรังตัวเองโดยดี
วิธีที่สาม โยกย้ายงาน การโยกย้ายงานมี 2 แบบ
คือ โยกย้ายไปทำงานหน้าที่เดิมร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นหัวหน้าและลูกน้องคนอื่น แบบที่สองคือโยกย้ายไปหน่วยงานอื่นเพื่อทำหน้าที่อื่น ซึ่งจะเลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับองค์กรว่ามีตำแหน่งหน้าที่แบบไหนรองรับ แต่รับรองการโยกย้ายจะทำให้คนปรับเปลี่ยนพัฒนาตัวเองเพื่อให้เข้ากับงานใหม่ที่ถูกโยกย้ายไปทำ
ถ้าเขายังเปลี่ยนไม่ได้จริงเขาจะอยู่ร่วมกับหน่วยงานใหม่หรือเพื่อร่วมงานใหม่ไม่ได้ เขาจะเป็นฝ่ายไปเอง
ทำทั้ง 3 วิธีแล้วยังไงก็ต้องได้ผลไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็คงพอเป็นแนวทางในการบริหารคนที่ไม่ยอมพัฒนา แต่ถ้ายังไม่ได้ผล คนคนนั้นก็น่าจะเกินเยียวยา สุดท้ายต้องส่งเรื่องให้เจ้าของบริษัทพิจารณา ส่วนเราก็ต้องเตรียมหาคนทำงานแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น