วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

ปราบพนักงานเก่าแก่ ไม่ยอมพัฒนา


ปราบพนักงานเก่าแก่ ไม่ยอมพัฒนา 

ถึงแม้เทคโนโลยีในปัจจุบันจะพัฒนาไปมาก  มีเครื่องจักรที่ทันสมัยถึงขั้นพัฒนาเป็นหุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ได้  แต่โรงงานเย็บผ้ายังเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยฝีมือแรงงานมากกว่าอุตสหากรรมอื่น  การพึ่งพาฝีมือแรงงานนี้เป็นส่งผลให้ต้องอาศัยการบริหารจัดการคนอย่างหนัก  ตั้งแต่สรรหาพนักงานให้เพียงพอกับกำลังการผลิตตามแผนการผลิต  มีสวัสดิการให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน  บริหารจัดการการหยุดงานไม่ให้กระทบกับแผนการผลิต  อื่นๆอีกจิปาถะ  ยังไม่พอ  ยังต้องปวดหัวกับความแตกต่างหลากหลายของพนักงานร้อยคนพันคนที่มารวมอยู่ในองค์กรเดียวกัน  โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานมานาน  คุ้นเคยกับวิธีการเดิมๆ  ไม่ยอมรับระบบใหม่ๆ  เทคโนโลยีหรือวิธีการใหม่ๆ  เรียกรวมว่าไม่ยอมพัฒนา  เพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองขาดความสำคัญ
คุณสมบัติกลุ่มคนเก่าแก่ไม่ยอมพัฒนา  จะเป็นคนที่มีอายุงานมากกว่าคนอื่น  จะวางตัวเป็นหัวหน้าแก๊ง  มีพนักงานอายุงานน้อยๆคอยติดตามและเห็นด้วยกับความคิดเห็นไม่ว่าจะถูกหรือผิด  ไม่ว่าจะทำให้เกิดประโยชน์หรือโทษกับองค์กร  อาจจะเต็มใจหรือจำใจเห็นด้วยเพื่อให้อยู่ในหน่วยงานนั้นได้  ทำงานตามความเคยชินของตัวเองโดยไม่มองว่าเป็นปัญหากับคนอื่นรอบข้างหรือไม่  ทำได้แค่นี้  ทำไม่ได้ทำไม่ทันหรอก  ยากเกินไป  ไม่มีใครทำได้หรอก  ไม่เสร็จหรอก  จะเป็นคำพูดประจำของคนกลุ่มนี้  การส่งงานล่าช้า  ส่งงานผิดพลาด  ล้วนเกิดจากคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง
คนกลุ่มนี้จะมีอิทธิพลมากเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรให้ความสำคัญ  ใครนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยถ้าคนเก่าแก่คัดค้าน  หากองค์กรไหนมีผู้นำแบบนี้  การเปลี่ยนงานน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  เพราะจะพยายามทำผลงานเท่าไหร่ก็คงไม่มีคนเห็น  แต่การปราบคนกลุ่มนี้ก็ใช่ว่าจะยากจนเกินไป
วิธีแรก  คุยตรงไปตรงมา  แต่ต้องคุยด้วยสันติวิธี  บอกเหตุและผลว่าการทำงานตามความเคยชินของพวกเขามีผลเสียอย่างไรบ้าง  เช่น  งานล่าช้าทำให้คนอื่นรองาน  แต่ถ้าทำตามวิธีที่เราแนะนำงานจะเสร็จเร็วขึ้นได้ปริมาณงานมากขึ้น  วิธีนี้ต้องใจเย็น  ขอย้ำว่าต้องใจเย็นมากๆ  เพราะคุณพูดอะไรเขาจะต้องเถียงคุณแน่นอน  คุณจะต้องทำการบ้านมาเป็นอย่างดีก่อนจะเรียกเขาคุย  ต้องเตรียมเป็นข้อๆเลยว่าบอกอะไรเขาไปเขาจะเถียงกลับมาอย่างไรและเราจะต้องแก้ข้อถกเถียงของเขาอย่างไร  วิธีนี้มีจุดประสงค์เพื่อชี้แจงให้เขาได้รับทราบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง  ถ้าเขายอมรับถือว่าโชคดี  แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับถือว่าเราได้ชี้แจงแล้ว  เก็บไว้เป็นประวัติเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการลงโทษเมื่อทำงานผิดพลาด  หรือเป็นเหตุผลในการดำเนินการขั้นตอนต่อไป
 วิธีที่สอง  ศึกษางานของเขาและจัดหาคนมาเรียนรู้งานที่เขาบอกว่ายากนักยากหนา  ไม่มีมนุษย์หน้าไหนทำได้นอกจากเขาเท่านั้น  ซึ่งงานไม่ยากเกินไปหรอก  คุณต้องคิดว่าบริษัทอื่นก็มีงานนี้เหมือนกันยังทำงานได้  แสดงว่ามีคนอื่นทำงานนี้ได้  เพียงแต่เราต้องอดทนที่จะศึกษางานจากเขา  ถ่ายทอดให้คนอื่นและคอยสนับสนุนและให้กำลังใจคนที่จะมาเรียนรู้งานต่อจากเขา  เมื่อมีคนอื่นทำได้  เขาจะรู้สึกเองว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญคนเดียวในโลก  และจะยอมปรับปรังตัวเองโดยดี
วิธีที่สาม  โยกย้ายงาน  การโยกย้ายงานมี 2 แบบ คือ โยกย้ายไปทำงานหน้าที่เดิมร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นหัวหน้าและลูกน้องคนอื่น  แบบที่สองคือโยกย้ายไปหน่วยงานอื่นเพื่อทำหน้าที่อื่น  ซึ่งจะเลือกใช้วิธีไหนขึ้นอยู่กับองค์กรว่ามีตำแหน่งหน้าที่แบบไหนรองรับ  แต่รับรองการโยกย้ายจะทำให้คนปรับเปลี่ยนพัฒนาตัวเองเพื่อให้เข้ากับงานใหม่ที่ถูกโยกย้ายไปทำ  ถ้าเขายังเปลี่ยนไม่ได้จริงเขาจะอยู่ร่วมกับหน่วยงานใหม่หรือเพื่อร่วมงานใหม่ไม่ได้  เขาจะเป็นฝ่ายไปเอง
ทำทั้ง 3 วิธีแล้วยังไงก็ต้องได้ผลไม่มากก็น้อย  อย่างน้อยก็คงพอเป็นแนวทางในการบริหารคนที่ไม่ยอมพัฒนา  แต่ถ้ายังไม่ได้ผล  คนคนนั้นก็น่าจะเกินเยียวยา  สุดท้ายต้องส่งเรื่องให้เจ้าของบริษัทพิจารณา  ส่วนเราก็ต้องเตรียมหาคนทำงานแทน

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น